ลมพิษเรื้อรัง
ลมพิษ เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย
ซึ่งจะก่อให้เกิดความรำคาญและรบกวนการทำงานหรือการนอนหลับของผู้ป่วย
ลมพิษสามารถเกิดขึ้นที่ผิวหนังตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย
บางครั้งลมพิษที่เกิดขึ้นจะทำให้หนังตาบวม ริมฝีปากบวม
หากลมพิษเกิดขึ้นที่ทางเดินหายใจ ก็จะทำให้หายใจลำบากและมีอันตรายถึงชีวิต
ลมพิษอาจเป็นอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
• ชนิดเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ น้อยกว่า 6 สัปดาห์
ลักษณะอาการของลมพิษ
ลมพิษอาจเกิดขึ้นที่หน้า แขนขา ลำตัวหรือส่วนอื่นๆ
ของร่างกาย และเป็นอยู่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วก็ยุบหายได้ แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิม
หรือเป็นตำแหน่งอื่นอีกก็ได้ ภายในวันเดียวกันหรือวันต่อมาหรือในเดือนต่อๆ มา
สาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ
การแพทย์ตะวันตกและการแพทย์จีน มีทัศนะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับมูลเหตุและพยาธิสภาพของลมพิษ สำหรับการแพทย์ตะวันตก ลมพิษชนิดเฉียบพลันส่วนใหญ่เกิดจากการแพ้อาหาร เหล้าเบียร์ ยา ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์หรือสารเคมีบางชนิด ทำให้ร่างกายมการสร้างฮิสตามีน (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวและมีพลาสมา (น้ำเลือด) ซึมออกมาใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นนูนแดงและมีอาการคัน แต่ลมพิษเรื้อรังส่วนใหญ่ กลับไม่สามารถตรวจพบสาเหตุที่แน่ชัดได้
ส่วนการแพทย์จีนได้จัดลมพิษให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากพิษลม
ร่วมกับพิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกาย (邪与湿热) ซึ่งพิษทั้งสองประเภทมีลักษณะเฉพาะดังนี้
• พิษลม มีลักษณะเคลื่อนไหว กระจายและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ลมพิษจึงมีลักษณะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน และเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย พร้อมทั้งสามารถขึ้นที่ตำแหน่งใดของร่างกายก็ได้
• พิษร้อน มีลักษณะแผดเผาและอบอ้าว ซึ่งจะทำลายสารเหลวและพลังชี่ (气) ในร่างกาย ทำให้ท้องผูก น้ำปัสสาวะมีสีเข้ม ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว มีอาการระคายคอบ่อยแน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง อ่อนเพลียง่าย รูขุมขนเปิด เส้นเลือดฝอยขยายตัว พร้อมทั้งทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง โรคต่างๆ จึงแทรกเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น
• พิษชื้น มักเกิดร่วมกับพิษร้อน ซึ่งก็เช่นเดียวกับอากาศที่ร้อนจัด มักจะทำให้มีฝนและเกิดความชื้น พิษร้อน-ชื้นที่สะสมในร่างกายจะเอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า
การบำบัดลมพิษด้วยาแก้แพ้ มีข้อจำกัดอย่างไร
เมื่อพูดถึงยาบำบัดลมพิษ หลายๆ
คนคงนึกถึงยาแก้แพ้หรือยาแอนติฮิสตามีน (Anti-histamine) ถึงแม้ว่ายานี้เป็นยาพื้นฐานในการบำบัดลมพิษของการแพทย์ตะวันตกก็ตาม
แต่อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรัง
เนื่องจากยาแก้แพ้เป็นเพียงยาระงับอาการของลมพิษเท่านั้นและมิได้ขจัดต้นเหตุของโรค
ผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังจึงมักจะเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน นอกจากนี้ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้มักจะทำให้ง่วงนอน
มึนงง เวียนศีรษะ ตาพร่าและอาจมีอาการคอแห้ง เบื่ออาหาร ใจสั่น หงุดหงิด
ความดันต่ำหรือเกิดการแพ้ยา
สำหรับผู้ป่วยลมพิษชนิดเรื้อรังที่มีการใช้ยาแก้แพ้เป็นประจำก็จะเกิดการดื้อยาขึ้นมาด้วย
สำหรับลมพิษโดยเฉพาะลมพิษชนิดเรื้อรัง
การแพทย์จีนนิยมใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นให้ออกจากร่างกาย
เพื่อบำบัดต้นเหตุของลมพิษแทนการใช้ยาแก้แพ้
จากการวิจัยและทดลองทางการแพทย์และเภสัชวิทยาในปัจจุบันพบว่า ยาสมุนไพรจีนที่อยู่ในรูปแบบของสารสกัดเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เนื่องจากสามารถสกัดและควบคุมสารออกฤทธิ์ได้อย่างเข้มข้นและแม่นยำ
นอกจากนี้ การแพทย์จีนยังให้ความสำคัญในการปรับร่างกายของผู้ป่วยลมพิษให้กลับสู่ภาวะสมดุล โดยใช้วิธีบำรุงไตเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมพลังชี่ (气) และพลังไฟมิ่งเหมิน (命门之火) ของไต ทำให้ร่างกายสามารถขจัดพิษลมและพิษร้อน-ชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลมพิษชนิดเรื้อรังและอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยลมพิษ เช่น
ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว อาการระคายคอ แน่นหน้าอก เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง
เป็นสิวบ่อย ท้องผูกหรือน้ำปัสสาวะมีสีเข้ม เป็นต้น จึงค่อย ๆ
ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น