โรคหืด หอบหืด

หอบหืดเกิดจาก


               โรคหืดเกิดจากการอักเสบของหลอดลม  ทำให้มีความไวและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อผู้ป่วยโรคหืดสัมผัสสิ่งกระตุ้น  หลอดลมก็จะหดตัวอย่างรุนแรงจนตีบแคบ  ทำให้หายใจลำบาก ไอ หอบ แน่นหน้าอกและหายใจมีเสียงวี้ด โรคหืดพบในคนทุกวัยและสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หากพ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคหืดลูกจะมีโอกาสเป็นหืดได้ 30-50%  และจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 60-100% หากพ่อแม่เป็นโรคหืดทั้งคู่ เราจึงพบผู้ป่วยโรคหืดที่มีพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยายหรือญาติพี่น้อง เป็นหืดหรือโรคภูมิแพ้อื่นๆ อยู่เป็นประจำ

โรคหอบหืดมีอาการอย่างไร

แน่น อึดอัดในหน้าอก หายใจลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหายใจออก ถ้า
   เป็นมากๆ จะต้องลุกขึ้นนั่งฟุบกับโต๊ะหรือพนักเก้าอี้และหอบจนตัวโยน มีเสียง
   ดังฮืดๆ หรือวี้ดๆ ผู้ป่วยมักจะมีเสลดเหนียวและไอมาก อาจมีอาการคัดจมูก คัน
   คอ เป็นหวัดและจามนำมาก่อน

มักจะเป็นตอนกลางคืนหรือเช้ามืด หรือหลังจากสัมผัสหรือทานสิ่งที่แพ้ เครียด  
   หรือออกกำลังกายมากๆ
ส่วนใหญ่จะไม่มีไข้ ในรายที่มีไข้ มักจะเป็นร่วมกับอาการของไข้หวัดหรือ
   หลอดลมอักเสบ

สาเหตุของหอบหืด


สิ่งกระตุ้นที่พบได้บ่อย

สารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ อาหาร เป็นต้น
สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ไอเสียรถยนต์ มลภาวะในอากาศ เป็นต้น
ยาบางชนิด เช่น ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAIDs) แอสไพริน ยา
  Beta blocker ที่ใช้รักษาความดันโลหิตสูง เป็นต้น
การติดเชื้อไวรัส ในระบบทางเดินหายใจส่วนต้น
การออกกำลังกาย
อารมณ์ที่รุนแรงหรืออาการเครียด
การเปลี่ยนแปลงของอากาศ

สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคหอบหืด

          ถึงแม้ว่าการแพทย์ตะวันตกยังไม่พบสาเหตุที่แท้จริงของโรคหืด แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่า มีการอักเสบของทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาอันซับซ้อนของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ทางเดินหายใจตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติในคนที่เป็นภูมิแพ้ โดยมีดัชนีชี้วัดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ เช่น ระดับซีรั่ม IgE และ IgG แอนติบอดีที่สูงๆ ระดับ Specific IgE แอนติบอดีที่สูงขึ้น เป็นต้น

          ส่วนการแพทย์จีนได้จัดโรคหืด ให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากภาวะพร่องชี่หรือพร่องพลัง (气虚症) ซึ่งหมายถึง สมรรถภาพการทำงานของอวัยวะและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถดถอยลง ภาวะพร่องพลังมักจะเกิดขึ้นร่วมกันในปอด ม้ามและไต ผู้ป่วยจึงมีอาการได้หลายอย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะพร่องพลังจะเป็นหนักในอวัยวะใด อาทิ

พลังม้ามพร่อง (脾气虚) มักจะมีอาการหน้าซีดเหลือง ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อยากพูดคุย ไม่เจริญอาหาร อาหารไม่ย่อย แน่นจุกเสียดที่ท้อง มีลมในกระเพาะอาหาร ท้องเสียเป็นประจำ หรืออุจจาระหยาบไม่จับตัวเป็นก้อน ฯลฯ

พลังปอดพร่อง (肺气虚) มักจะมีอาการหายใจขัด หายใจถี่ หอบ ไอเรื้อรัง
  โดยเฉพาะไอแบบไม่มีแรงหรือไอตอนกลางคืน มีเสมหะมาก เสียงพูดเบาหรือ
  ค่อย เหงื่อออกง่าย ทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกร้อน เป็นหวัดง่าย ลิ้นมีฝ้าขาวหรือลื่น ฯลฯ

พลังไตพร่อง (肾气虚) เมื่อไตอ่อนแอมากๆ ก็จะทำให้พลังในไตพร่องลง  ซึ่ง
   มักจะมีอาการหายใจขัด หายใจถี่ หอบหืด หายใจได้ไม่เต็มอิ่ม อ่อนเพลียง่าย ไม่
   มีเรี่ยวแรง ใจเต้นแรง มีอาการบวมที่ใบหน้าและแขนขา เหงื่อออกง่าย ลิ้นมีฝ้า
   ขาวหรือลื่น ขอบลิ้นทั้ง

   มักจะมีอาการหายใจขัด หายใจถี่ หอบหืด หายใจได้ไม่เต็มอิ่ม อ่อนเพลียง่าย ไม่
   มีเรี่ยวแรง ใจเต้นแรง มีอาการบวมที่ใบหน้าและแขนขา เหงื่อออกง่าย ลิ้นมีฝ้า
   ขาวหรือลื่น ขอบลิ้นทั้ง
2 ด้านมีรอยกดทับของฟัน ฯลฯ

          จากการศึกษาทางคลินิกในปัจจุบันยังพบว่า ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยพร่องพลังมักจะทำงานผิดปกติไปด้วย ซึ่งอาจแสดงในด้านภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง ทำให้ง่ายต่อการรุกรานของโรค หรือในด้านภูมิต้านทานของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ ผู้ป่วยพร่องพลังจึงมีดัชนีชี้วัดการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติไปอย่างน้อย 1 ดัชนี เช่นปริมาณเซลล์ CD3 CD4 CD8 อัตราส่วนของเซลล์ CD4 ต่อ CD8 ระดับซีรั่ม IgA IgE IgG หรือ IgM แอนติบอดี เป็นต้น เมื่อภาวะพร่องพลังเรื้อรังเป็นเวลานาน ก็จะพัฒนาเป็นกลุ่มโรค ดังนี้

ระบบทางเดินหายใจ โรคหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมโป่งพอง หัวใจ
ล้มเหลวจากโรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอด ฯลฯ
ระบบทางเดินอาหาร อาหารไม่ย่อย ลำไส้แปรปรวน ฯลฯ
โรคภูมิแพ้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น